ข้อเท็จจริงที่สำคัญเกี่ยวกับเกล็ดเลือดหรือเกล็ดเลือด

เลือดมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์มาก เนื่องจากเลือดทำหน้าที่เป็นตัวพาออกซิเจนสารอาหารสารประกอบทางเคมีและฮอร์โมนไปยังเซลล์ทั่วร่างกาย นอกจากนี้เลือดยังลำเลียงคาร์บอนไดออกไซด์และของเสียจากการเผาผลาญบางส่วนเพื่อขับออกจากร่างกายมนุษย์ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเลือดมีเซลล์เม็ดเลือดและแต่ละเซลล์มีหน้าที่ของมันซึ่งหนึ่งในนั้นคือเกล็ดเลือดหรือเกล็ดเลือด

เรารู้จักเกล็ดเลือดหรือเกล็ดเลือดเมื่อทำการตรวจเลือดโดยมีจุดประสงค์เพื่อระบุโรคบางชนิด แค่พูดว่าไข้เลือดออก ดังนั้นเกล็ดเลือดหรือเกล็ดเลือดจึงกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในการบำรุงเซลล์เม็ดเลือดให้อยู่ในสภาพปกติ

แล้วแผ่นเลือดมีความหมายว่าอย่างไร? การทำงานของเกล็ดเลือดหรือเกล็ดเลือดมีความสำคัญต่อร่างกายอย่างไร? เกล็ดเลือดหรือที่รู้จักกันดีในชื่อเกล็ดเลือดเป็นชิ้นส่วนเซลล์ที่ไม่มีนิวเคลียสและมีรูปร่างผิดปกติดังนั้นเราจะไม่พบนิวเคลียสของเซลล์ แต่สามารถพบแกรนูลได้และมีขนาดเล็กกว่าเซลล์เม็ดเลือด น่าเสียดายที่เกล็ดเลือดมีอายุเพียง 5 - 9 วันก่อนที่จะสลายไปในไขกระดูกในที่สุดและโดยปกติจำนวนเกล็ดเลือดในมนุษย์จะมีตั้งแต่ 200,000 - 500,000 เซลล์ต่อซีซี

เกล็ดเลือดมีบทบาทหรือหน้าที่สำคัญมากในกระบวนการทำให้แผลแห้งดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เกล็ดเลือดจะถูกเรียกว่าเซลล์เม็ดเลือดที่แข็งตัว เมื่อได้รับบาดเจ็บและเลือดไหลออกเกล็ดเลือดจะออกมาและสะสมในบริเวณที่เป็นแผลโดยมีจำนวนมากจากนั้นเกล็ดเลือดจะดักจับเซลล์เม็ดเลือดและก่อตัวเป็นก้อนหนาเรียกว่าลิ่มเลือด

(อ่านเพิ่มเติม: หน้าที่ของเลือดสำหรับร่างกายมนุษย์คืออะไร?)

เนื่องจากเลือดไม่สามารถออกจากก้อนเลือดได้เกล็ดเลือดจึงช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายมนุษย์เสียเลือดมากขึ้นอันเป็นผลมาจากการบาดเจ็บ เนื่องจากเนื้อหาที่มีอยู่ในเกล็ดเลือดคือเอนไซม์ thromboplastin ซึ่งสามารถสร้างเกลียวการแข็งตัวของเลือดที่เรียกว่า fibrin threads

เส้นไฟบรินเหล่านี้ก่อตัวเป็นเหมือนเว็บรอบ ๆ เซลล์เม็ดเลือดซึ่งจะปกคลุมบริเวณบาดแผลจึงหยุดเลือดออกจากบาดแผลได้

นอกจากนั้นหน้าที่อื่น ๆ ของเกล็ดเลือดยังเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับไวรัสที่เข้าสู่ร่างกายและอาจทำให้คนเป็นโรคบางชนิดได้ หากร่างกายขาดเกล็ดเลือดจะส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถจับตัวเป็นก้อนเลือดได้ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะทำให้เลือดออกมากขึ้น

อย่างไรก็ตามเกล็ดเลือดที่มากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกันเพราะปัจจัยเสี่ยงคือเลือดจะจับตัวเป็นก้อนได้ง่ายขึ้นจึงกลัวว่าจะไปอุดตันหลอดเลือด นอกจากนี้เกล็ดเลือดที่มากเกินไปยังทำให้เลือดออกหนักดังนั้นจึงไม่สามารถประเมินภาวะนี้ต่ำไปได้