ทำความรู้จักกับ Conduction การพาความร้อนและการแผ่รังสีในการถ่ายเทความร้อน

คุณเคยลองเอาช้อนเหล็กจุ่มน้ำร้อนหรือไม่? หากทำได้ความร้อนจากปลายช้อนที่จมอยู่ใต้น้ำจะค่อยๆเคลื่อนไปยังปลายอีกด้านหนึ่งที่ไม่จมอยู่ใต้น้ำ สิ่งนี้เรียกว่าการถ่ายเทความร้อนจากวัตถุที่มีอุณหภูมิสูงไปยังวัตถุที่มีอุณหภูมิต่ำ

ความร้อนหรือความร้อนเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งซึ่งมีอยู่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน พลังงานความร้อนสามารถถ่ายเทจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งหรือจากวัตถุหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการถ่ายเทความร้อนนี้แบ่งออกเป็นสามวิธี ได้แก่ การนำการพาความร้อนและการแผ่รังสี

การนำ

การนำความร้อนคือการถ่ายเทความร้อนในของแข็งซึ่งไม่ได้ตามด้วยการถ่ายเทอนุภาค เหตุการณ์การนำนี้เกิดขึ้นในแท่งเหล็กที่ให้ความร้อนเหนือถ่านหินร้อนเมื่อปลายด้านหนึ่งของเหล็กถูกทำให้ร้อนความร้อนจะกระจายไปยังปลายอีกด้านหนึ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดการถ่ายเทความร้อนอนุภาคจากแท่งเหล็กจะไม่ผ่านการถ่ายเท

ขึ้นอยู่กับการนำความร้อนวัตถุแบ่งออกเป็นสองประเภทคือตัวนำและฉนวน

  • ตัวนำคือวัตถุ / วัสดุที่สามารถส่งความร้อนได้ดี ตัวนำสามารถใช้ในเครื่องทำอาหารโลหะปรอทในเทอร์มอมิเตอร์ท่อทองแดงในวิทยุติดรถยนต์ ตัวอย่างของตัวนำ ได้แก่ เหล็กทองแดงอลูมิเนียมซิลิคอนและเงิน
  • ฉนวนเป็นวัตถุที่ไม่สามารถนำความร้อนได้ ฉนวนสามารถใช้สำหรับเสื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์ในช่วงฤดูหนาวของใช้ในบ้านและใช้โดยเอสกิโมในการทำกระท่อมน้ำแข็ง ตัวอย่างของฉนวน ได้แก่ ไม้แก้วกระดาษพลาสติก

การพาความร้อน

การพาความร้อนคือการถ่ายเทความร้อนผ่านสารตัวกลางและมาพร้อมกับการถ่ายเทอนุภาคของสาร เหตุการณ์การพาความร้อนสามารถเกิดขึ้นได้ในของเหลวหรือก๊าซซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากความหนาแน่นที่แตกต่างกันเนื่องจากความร้อน

(อ่านเพิ่มเติม: สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับอุณหภูมิและความร้อน)

ตัวอย่างของการพาความร้อนคือเมื่อน้ำร้อนบนเตาน้ำที่อยู่ด้านล่างจะมีความหนาแน่นลดลงเนื่องจากความร้อนในขณะที่ด้านบนมีความหนาแน่นสูงกว่า สิ่งนี้ทำให้น้ำที่มีความหนาแน่นสูงกว่าเคลื่อนตัวลงด้านล่างและน้ำที่มีความหนาแน่นต่ำกว่าจะเคลื่อนขึ้นไปข้างบน

การฉายรังสี

การแผ่รังสีคือการถ่ายเทความร้อนโดยไม่ผ่านตัวกลาง / ตัวกลาง การแผ่รังสีสามารถเกิดขึ้นได้ในก๊าซและสุญญากาศเท่านั้น ตัวอย่างของการถ่ายเทความร้อนผ่านการแผ่รังสีคือการถ่ายเทความร้อนจากดวงอาทิตย์มายังโลกผ่านสุญญากาศนอกจากนั้นร่างกายจะรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้กองไฟ

ความร้อนที่คุณรู้สึกได้เมื่ออยู่ใกล้แคมป์ไฟคืออากาศร้อนที่เกิดจากแคมป์ไฟซึ่งไม่ได้แพร่กระจายในแนวนอน แต่จะเคลื่อนขึ้นด้านบนแทน เนื่องจากอากาศร้อนมีความหนาแน่นน้อยดังนั้นอากาศจึงชี้ขึ้นด้านบน