รูปแบบและลักษณะของอำนาจอธิปไตย

แท้จริงแล้วอำนาจอธิปไตยสามารถตีความได้ว่าเป็นอำนาจสูงสุดในการร่างกฎหมายและนำไปใช้ในรูปแบบที่มีอยู่ทั้งหมด คำว่าอำนาจอธิปไตยนั้นมาจากคำภาษาอาหรับ "daulah" ซึ่งหมายถึงอำนาจ Kedaulatan ยังหมายถึง "supremus" ซึ่งในภาษาละตินแปลว่าสูงสุด ดังนั้นอำนาจอธิปไตยในหลายภาษาสามารถตีความได้ว่าเป็นอำนาจสูงสุดหรืออำนาจในระบบการปกครอง

อำนาจอธิปไตยของประชาชนมีหลักการอำนาจสูงสุดอยู่ในมือของประชาชนดังนั้นรัฐบาลต้องดำเนินกิจกรรมของชาติและรัฐบนพื้นฐานของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชน รัฐบาลประเภทนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า 'ประชาธิปไตย'

โลกเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ประกาศตัวเป็นประเทศเอกราชและมีอธิปไตย การดำรงอยู่ของดินแดนประชาชนและรัฐบาลอธิปไตยเป็นองค์ประกอบที่ต้องเป็นของรัฐเอกราช โดยอำนาจอธิปไตยหมายความว่าประเทศโลกมีอำนาจสูงสุดเหนือรัฐบาลของตนเอง โลกมีสิทธิที่จะบริหารรัฐบาลของตนเองได้อย่างอิสระโดยปราศจากการแทรกแซงจากฝ่ายอื่น ๆ

(อ่านเพิ่มเติม: ทำความรู้จักกับทฤษฎีอำนาจอธิปไตย)

ตอนนี้เมื่อพูดถึงอำนาจอธิปไตยการเดินทางนี้มีสองรูปแบบคืออำนาจอธิปไตยภายในและภายนอก

อำนาจอธิปไตยใน (ภายใน)สามารถตีความได้ว่าประเทศหนึ่งมีอำนาจเต็มและสูงสุดในการจัดการรัฐบาลของตน ทั้งองค์กรของรัฐและทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ทรัพยากรทุกรูปแบบที่มีอยู่บนบกทางทะเลและทางอากาศได้รับการจัดการโดยรัฐบาลโดยอิสระและปราศจากการแทรกแซงจากบุคคลอื่นเพื่อพัฒนาสวัสดิการของประชาชนตามกฎหมายและข้อบังคับ

ในขณะเดียวกันรูปแบบของอำนาจอธิปไตยภายนอกหมายความว่ารัฐมีอำนาจเต็มที่ในการสร้างความสัมพันธ์ร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ โดยไม่ถูกผูกมัดด้วยอำนาจใด ๆ การดำรงอยู่ของข้อตกลงกับประเทศอื่น ๆ การประกาศสงครามและสันติภาพและการมีส่วนร่วมในองค์กรระหว่างประเทศเป็นตัวอย่างของการสำแดงอำนาจอธิปไตยภายนอก

อำนาจอธิปไตยมีคุณสมบัติหลายประการ ได้แก่ สัมบูรณ์ถาวรไม่ จำกัด และโสด

Absolute (ดั้งเดิม)หมายความว่าอำนาจอธิปไตยนี้ก่อตัวขึ้นเองและไม่ได้มาจากอำนาจอื่น ถาวร (ถาวร)หมายความว่าอำนาจอธิปไตยจะยังคงมีอยู่ตราบเท่าที่รัฐยังคงยืนอยู่แม้ว่าผู้นำของประเทศจะเปลี่ยนไปก็ตาม

ไม่ จำกัดหมายความว่าอำนาจอธิปไตยจะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่ประเทศยังคงยืนอยู่แม้ว่าผู้นำของประเทศจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม ในขณะที่ความโสดเป็นเอกฉันท์ (ไม่แบ่งแยก)หมายความว่าอำนาจอธิปไตยเป็นหนึ่งเดียวและไม่สามารถแบ่งแยกได้เพราะมันสามารถนำไปสู่ความเป็นพหุนิยมภายในอำนาจอธิปไตยเอง